ด้วยไลฟ์สไตล์ Working Women ของสาวยุคใหม่ที่มักให้ความสำคัญกับการทำงาน และการใช้ชีวิตโสด มากกว่าการแต่งงาน เพื่อสร้างครอบครัว ได้ทำให้ “การฝากไข่” เป็นทางเลือกที่ผู้หญิงหลายคนให้ความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

            เราเลยอยากชวนอัปเดตกันว่า ปี 2023 นี้ การฝากไข่ราคาเท่าไหร่แล้ว และควรฝากไข่ที่ไหน แบบไหนถึงจะคุ้มค่า เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้หญิงยุคใหม่ สามารถเตรียมความพร้อมล่วงหน้าได้

ชวนรู้จักการฝากไข่

          ก่อนอื่น เราอยากชวนสาวๆ มาทบทวนกันสักนิดว่า “ฝากไข่” คืออะไร?

            การฝากไข่ คือ การนำเซลล์ไข่จากร่างกายของผู้หญิง ออกมาเก็บรักษาด้วยการแช่แข็งไว้ในไนโตรเจนเหลว เพื่อรอจนถึงวันที่ผู้หญิงคนนั้นๆ จะพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ แล้วจึงค่อยนำเซลล์ไข่มาทำการปฏิสนธิภายนอกกับอสุจิ เพราะปกติแล้วเซลล์ไข่จะเสื่อมสภาพไปตามวัยของผู้หญิง โดยเมื่อผู้หญิงมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ก็จะมีจำนวนไข่ในรังไข่น้อยลง รวมถึงคุณภาพของไข่ก็จะแย่ลงด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากตามมานั่นเอง

ทั้งนี้ การแช่แข็งไข่สามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้

1. Slow freezing แช่แข็งไข่ด้วยการค่อยๆ ลดอุณหภูมิในเซลล์ไข่ลง 0.3 – 0.5°c/min. โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์

2. Vitrification แช่แข็งไข่ด้วยการลดอุณหภูมิของเซลล์ไข่ลงอย่างรวดเร็ว 15,000 – 30,000°c/min. และใช้สารป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็งที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อทำให้ของเหลวภายในเซลล์มีลักษณะเป็น glass- like stage และลดการเกิดผลึกน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้เซลล์ไข่เกิดความเสียหาย

ฝากไข่ราคาเท่าไหร่

            สำหรับความสงสัยที่ว่า ปัจจุบันฝากไข่ราคาเท่าไหร่ ข้อมูลล่าสุดจากหลายๆ สถานพยาบาลที่รับรักษาภาวะผู้มีบุตรยากระบุว่า ค่าใช้จ่ายรวมทุกขั้นตอนจะเฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะของสถานพยาบาล เครื่องมือและวิธีการที่ใช้ รวมถึงโปรโมชั่นทางการตลาดในขณะนั้น

            โดยการฝากไข่ด้วยวิธี Vitrification จะมีราคาแพงกว่าวิธี Slow freezing เพราะเป็นวิธีใหม่ล่าสุดที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทันสมัยกว่า และให้ผลลัพธ์ในการเก็บรักษาไข่ที่ดีกว่าวิธี Slow freezing

            แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า วิธี Slow freezing จะให้ผลลัพธ์ที่แย่จนเกินไป เพราะถ้าสาวๆ คนใดมีเซลล์ไข่ที่แข็งแรงเป็นจำนวนมาก ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจว่าจะฝากไข่ด้วยวิธีไหน สาวๆ ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งในเรื่องของสภาพร่างกาย และงบประมาณ

ฝากไข่ราคาสุดคุ้มที่ไหนได้บ้าง

            อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากจ่ายไม่แพงมาก แต่ได้รับการรักษาด้วยวิธีการที่ได้ผลลัพธ์ดี หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ และทำได้ง่ายๆ คือ มองหาแพ็กเกจที่มอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมให้คุณได้ เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณได้รับความคุ้มค่ามากขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าใช้งบประมาณฝากไข่ราคาเท่าไหร่ หรือจะจ่ายแพงเกินไปหรือไม่

            ตัวอย่างเช่น ที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเจตนิน มีแพ็กเกจการฝากไข่ที่ชื่อว่า “J Egg Freezing Package” ซึ่งมาพร้อมความพิเศษที่ครอบคลุมเรื่องต่างๆ มากมาย อาทิ

• ตรวจประเมินความพร้อมโดยสูตินรีแพทย์
• ตรวจเลือดและระดับฮอร์โมน
• ตรวจติดตามอัลตร้าซาวด์โดยสูตินรีแพทย์
• ค่ายากระตุ้นไข่แบบไม่จำกัดยูนิต
• ค่าเก็บไข่ (OPU)
• ค่าแช่แข็งไข่ 1 ปี โดยไม่จำกัดจำนวนไข่
• ค่าสูตินรีแพทย์และวิสัญญีแพทย์
• ให้คำปรึกษาตลอดการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ
• ผ่อนจ่ายได้แบบสบายกระเป๋า ด้วยโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 3 เดือน

เพียงเท่านี้ ไม่ว่าการฝากไข่ราคาเท่าไหร่ ก็ทำให้สาวๆ ตัดสินใจฝากไข่ เพื่อรอคนที่ใช่ได้ไม่ยากแล้ว

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเจตนิน โทร 02-655-5300